
การหาเสียงเลือกตั้งทุกครั้งนั้น ทุกพรรคการเมืองจะต้องนำเสนอนโยบายต่อประชาชน โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่เป็นรอง จะต้องพยายามหานโยบายที่แตกต่างจากพรรคที่มีฐานเสียงเป็นต่อ เพื่อที่จะได้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการตัดสินใจของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส่วนมากการเมืองของทุกประเทศจะมีพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคคอยขับเคี่ยวชิงชัย เอาชนะคะคานกัน
แต่วันนี้ด้วยกระแสการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ครั้งที่ 45 กำลังมาแรง เราจะไปดูนโยบายของพรรคเดโมแครต และพรรคริพับลิกัน กันว่าจะแตกต่างหรือเหมือนกันมากน้อยแค่ไหน
นโยบายที่สามารถเรียกเสียงฮือฮาของโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรคริพับลิกันได้มากคือนโยบายละเอียดอ่อนเกี่ยวกับผู้อพยพเข้าเมือง โดยทรัมป์ได้ประกาศว่าถ้าตนเองได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโก เพื่อตัดช่องทางการอพยกหนีเข้าเมืองมายังสหรัฐฯ อีกทั้งมีแผนที่จะให้รัฐบาลเม็กซิโกจ่ายเงินทั้งหมด เนื่องจากนายทรัมป์เชื่อว่า ฝั่งรัฐบาลเม็กซิโกรู้เห็นเป็นใจให้พลเมืองของตัวเอง แอบลักลอบเข้ามาในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้บอกอีกว่า หากพบผู้อพยพก่อคดี ทางการสหรัฐฯจะดำเนินการบังคับส่งตัวกลับประเทศในทันที เพิ่มบทลงโทษเข้มงวดสำหรับผู้อาศัยในสหรัฐฯ พร้อมกับมีแนวคิดไม่ให้ชาวมุสลิมเข้ามาในประเทศอีกด้วย
ทางด้านนางฮิลลารี คลินตันจากฝั่งเดโมแครต กลับมาท่าทีตรงข้ามกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะว่าผู้อพยพ คนผิวดำ ทั้งหลายนั้นต่างเป็นฐานเสียงให้แก่พรรคเดโมแครตของเธอ เธอจึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำเป็นไม่รู้เห็น กับพวกผู้อพยพเหล่านี้ นโยบายสุดโต่งนี้ของนายทรัมป์ทำให้ได้ใจชาวอเมริกันผิวขาว และอเมริกันขวาจัดหัวรุนแรงบางกลุ่ม ซึ่งโพลได้สำรวจผู้ใช้สิทธิ์ลงคะแนนพบว่า เกินร้อยละ 52 ลงคะแนนให้โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ชาวอเมริกันลาติน และคนผิวดำในอเมริกา ที่ไม่ชอบใจนโยบายของนายทรัมป์ ต่างเทคะแนนให้นางฮิลลารี คลินตัน ถึงกว่า ร้อยละ 70
มองมาที่นโยบายเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศลดภาษีนิติบุคคลลง 15 เปอร์เซ็นต์ จาก 35 เปอร์เซ็นต์เดิม เป็นนโยบายที่ได้ใจชาวอเมริกัน แต่นโยบายนี้มีความเสี่ยง เรื่องการตัดความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ โดยจะกีดกันการค้าจากจีน อาจจะส่งผลต่อการฟื้นตัวต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯยังต้องพึ่งพากำลังการผลิตจากจีนเป็นอย่างมาก ต่างจากนางฮิลลารี คลินตันที่มองว่าการค้าเสรีระหว่างประเทศน่าจะทำให้ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯเติบโตได้มากกว่า
ทางด้านนโยบายต่างประเทศต่างประเทศ โดนัลด์ ทรัมป์มีแผนจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซีย เพราะรัฐบาลโอบาม่าได้สร้างความตึงเครียดทางทหารเอาไว้ และมีปัญหากระทบกระทั่งกันตลอด ถึงขนาดที่ทีมหาเสียงนางฮิลลารี คลินตัน เคยออกมาโจมตีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็นพวกฝักใฝ่รัสเซีย
จากการวิเคราะห์ข้างต้นนี้ เราในฐานะคนไทยต้องมาลุ้นกันอีกทีว่า นโยบายต่างๆเหล่านี้จะมีผลกระทบมาถึงพวกเราคนไทยยังไง